วันเสาร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

อดีตรองปลัดมท. แฉซ้ำ ผ่อนส่งเก้าอี้ผู้ว่า มีการเรียกข้าราชการหญิงไปกอดปล้ำในห้องทำงาน ปลอดคน บานฉ่ำ ชื่นบาน ลับตาคน

อดีตรองปลัดมท. แฉซ้ำ ผ่อนส่งเก้าอี้ผู้ว่า

Pic_66284

"ไพฑูรย์ บุญวัฒน์" เผยมีการซื้อขายตำแหน่งเป็นในลักษณะซื้อผ่อนส่ง ผู้ว่าฯ 4-5 คน ในจังหวัด ภาคอีสาน  ใกล้โคราช ย้ำมีการปล้ำ ขรก.หญิงในคลองหลอดจริง แต่ไม่ใช่ฝีมือ มท.1 ชี้แก่แล้ว...

เมื่อวันที่ 20 ก.พ.นายไพฑูรย์ บุญวัฒน์ อดีตรองปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวกรณี นายจาดุร อภิชาตบุตร หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย  ระบุว่ามีการซื้อขายตำแหน่งในกระทรวงมหาดไทย ว่า ขณะนี้มีความคืบหน้าว่า การซื้อขายตำแหน่งเป็นในลักษณะซื้อผ่อนส่ง โดยขณะนี้มีผู้ว่าราชการจังหวัด 4-5 คน ในจังหวัดทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ใกล้จังหวัดนครราชสีมา ที่เป็นจังหวัดไม่มีรายได้มากนัก บ่นว่าหาเงินไม่ได้ ไม่ทันผ่อนส่ง  ตนทราบมาว่าจะมีการโยกย้ายข้าราชการในระดับผู้ว่าราชการจังหวัดอีกใน เร็วๆนี้ เพื่อปรับคนที่ไม่สามารถหาเงินให้ได้ตามเป้าออก ดังนั้นหัวหน้าส่วนราชการในจังหวัดจึงมีความกังวลใจ และได้โทรศัพท์มาแจ้งเรื่องดังกล่าวกับตน ยืนยันว่าจะมีการดำเนินการตรวจสอบเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง

นาย ไพฑูรย์กล่าวต่อกรณีมีการระบุในการสัมมนาของส.ว.ว่า  วงการมหาดไทยมีความอัปยศสุดขีด ถึงขั้นมีการเรียกข้าราชการหญิงไปกอดปล้ำในห้องทำงานว่า ยืนยันว่าเรื่องนี้มีจริง ไม่เช่นนั้นตนจะพูดออกมาได้อย่างไร เมื่อถามว่า ปลัดกระทรวงมหาดไทยระบุว่า อาจเป็เรื่องที่เกิดสมัยนายไพฑูรย์รับราชการอยู่ นายไพฑูรย์กล่าวว่า ไม่ใช่ เป็นเรื่องในปัจจุบัน เรื่องนี้ลามไปหมดทั่วกระทรวงมหาดไทย ทั้งห้องนักการเมืองและห้องข้าราชการ มีการลุ่มล่ามกับข้าราชการหญิงและลูกจ้าง มีการทำบัดสีบัดเถลิงมาตลอด อย่างไรก็ตามไม่ใช่ นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เพราะแก่แล้ว เรื่องนี้ต้องเป็นคนหนุ่ม และเป็นนักการเมือง มีตำแหน่งในกระทรวงมหาดไทย

ต่อข้อถามว่า หากมีการกระทำจริง เหตุใดจึงไม่มีคนทราบ เพราะเป็นที่ที่มีคนอยู่มากมาย นายไพฑูรย์ กล่าวว่า การกระทำแบบนี้ไม่มีใครทำให้คนอื่นรู้ สถานที่เป็นในห้อง ปลอดคน บานฉ่ำ ชื่นบาน ลับตาคน แต่อย่าให้บอกเลยว่าเป็นใคร เพราะขณะนี้กลัวว่าจะถูกฟ้องร้อง อย่างไรก็ตามนายไพฑูรย์ปฏิเสธที่จะตอบคำถามว่าทราบเรื่องเหล่านี้ได้อย่างไร

http://www.thairath.co.th/content/pol/66284



ขอเชิญอ่าน blog.Thank you so much.
http://www.thaifreedompress.blogspot.com/
http://sunblog1951.blogspot.com/ sunday
http://blogpwd.blogspot.com/ pwd9
http://ktblog1951.blogspot.com/ pwday
http://newsblog9.blogspot.com/ news
http://bloghealth99.blogspot.com/ health
http://labour9.blogspot.com/ labour
http://www.media4democracy.com/th/
http://www.youngtelecom.org/
http://www.logex.kmutt.ac.th/
http://www.mict4u.net/thai/
http://www.chula.ac.th/visitors/thai/calendar.htm
http://www.agkmstou.com/2008/index.php
http://www.baanjomyut.com/library/lotus/index.html
http://www.asianbarometer.org/newenglish/introduction/default.htm
http://www.isriya.com/node/2809
/wordcamp-bangkok-2009-pool-party
C:\Documents and Settings\user\My Documents\ไฟล์ที่ได้รับของฉัน\issarachon1101.wma
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=hiansoon

วันอังคารที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

พันธบัตรออมทรัพย์วงเงิน 1 แสนล้านบาท อายุ 6 ปี เปิดขาย 29 มี.ค.-2 เม.ย.2553

 


วันที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553 เวลา 14:52:49 น.  ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

คลังเตรียมออกพันธบัตร 1 แสนล้าน อายุ 6 ปี เปิดขาย 29มี.ค.-2เมษายน ดบ.แบบขั้นบันได ไม่เสียภาษี

นายวัชระ กรรณิการ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ที่ประชุมครม.วันนี้ (16 ก.พ.53)อนุมัติกระทรวงการคลังเตรียมออกพันธบัตรออมทรัพย์วงเงิน 1 แสนล้านบาท อายุ 6 ปี เปิดขาย 29 มี.ค.-2 เม.ย.2553 กำหนดอัตราดอกเบี้ยแบบขั้นบันได บวกส่วนชดเชยภาษีไม่เกิน 15% โดยจะให้สิทธิผู้สูงอายุจองซื้อก่อนในวันที่ 29-30 มี.ค.ขั้นต่ำ 1 หมื่นบาทถึง 1 ล้านบาท จากนั้นในวันที่ 31 มี.ค.-2 เม.ย.จะให้เปิดบุคคลทั่วไปจองซื้อ
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1266306825&grpid=03&catid=no
ขอเชิญอ่าน blog.Thank you so much.
http://www.thaifreedompress.blogspot.com/
http://sunblog1951.blogspot.com/ sunday
http://blogpwd.blogspot.com/ pwd9
http://ktblog1951.blogspot.com/ pwday
http://newsblog9.blogspot.com/ news
http://bloghealth99.blogspot.com/ health
http://labour9.blogspot.com/ labour
http://www.media4democracy.com/th/
http://www.youngtelecom.org/
http://www.logex.kmutt.ac.th/
http://www.mict4u.net/thai/
http://www.chula.ac.th/visitors/thai/calendar.htm
http://www.agkmstou.com/2008/index.php
http://www.baanjomyut.com/library/lotus/index.html
http://www.asianbarometer.org/newenglish/introduction/default.htm
http://www.isriya.com/node/2809
/wordcamp-bangkok-2009-pool-party
C:\Documents and Settings\user\My Documents\ไฟล์ที่ได้รับของฉัน\issarachon1101.wma
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=hiansoon

วันจันทร์ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2552

"วัดโพธิญาณ"แดนจิงโจ้"บวช"ภิกษุณี ถูกเลิกสังฆกรรม ชี้เจ้าอาวาสละเมิดเอง ทั้งที่ดูแลสาย"หลวงปู่ชา"

วันที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2552 เวลา 11:11:18 น.  มติชนออนไลน์

"วัดโพธิญาณ"แดนจิงโจ้"บวช"ภิกษุณี ถูกเลิกสังฆกรรม ชี้เจ้าอาวาสละเมิดเอง ทั้งที่ดูแลสาย"หลวงปู่ชา"

"วัด โพธิญาณ"เมืองจิงโจ้ ละเมิดระเบียบสงฆ์ไทย "บวช"ให้"ภิกษุณี" คณะสงฆ์วัดหนองป่าพงมีมติถอดออกจากวัดสาขา เลิกสังฆกรรม โฆษก มส.ชี้เจ้าอาวาสวัดละเมิดจริยาพระสังฆาธิการ ทั้งที่เป็นถึงพระราชาคณะชั้นสามัญ ลูแดวัดสาย"หลวงปู่ชา"

นายอำนาจ บัวศิริ ผู้อำนวยการสำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) เปิดเผยเมื่อวันที่ 19 ธันวาคมว่า จากการประชุมมหาเถรสมาคม (มส.) เมื่อเร็วๆ นี้ ที่ประชุมได้รับทราบมติของคณะสงฆ์วัดหนองป่าพง จ.อุบลราชธานี ที่มีมติให้ถอดวัดโพธิญาณ เมืองเพิร์ธ ประเทศออสเตรเลีย ออกจากการเป็นสาขาของวัดหนองป่าพง เนื่องจากคณะสงฆ์วัดโพธิญาณ ซึ่งมีพระวิสุทธิสังวรเถร (พระพรหมวังโส) เป็นเจ้าอาวาส ดำเนินการอุปสมบทให้กับภิกษุณี ซึ่งถือว่าขัดกับระเบียบของคณะสงฆ์ฝ่ายเถรวาท ทางคณะสงฆ์วัดหนองป่าพง จึงมีมติให้ถอดวัดโพธิญาณออกจากการเป็นสาขาของวัดหนองป่าพง


นายอำนาจ กล่าวว่า ดังนั้นจะหมายความว่า วัดดังกล่าวไม่มีต้นสังกัดดูแล และจะส่งผลให้ไม่ได้รับการดูแลจากทาง พศ. และ มส.ด้วย หรือเรียกได้ว่าจะไม่มีการร่วมสังฆกรรม เพราะถือว่าวัดโพธิญาณไม่เชื่อฟัง ไม่อยู่ในโอวาทของวัดต้นสังกัด อย่างไรก็ตาม สถานภาพของวัดยังคงอยู่ เพราะได้รับการอนุญาตจากทางประเทศออสเตรเลียแล้ว แต่หลังจากที่มีมติของคณะสงฆ์วัดหนองป่าพงออกมา วัดดังกล่าวจะไม่ได้รับการช่วยเหลือจากทางฝั่งไทย ในส่วนของพระธรรมทูตจากไทย หากต้องการไปจำพรรษาที่วัดโพธิญาณ ก็จะไม่ได้รับการอนุญาต ขณะเดียวกันทาง พศ.จะแจ้งไปยังสถานเอกอัครราชทูตไทยประจำประเทศออสเตรีเลียให้ทราบด้วย


ด้านพระธรรมกิตติเมธี โฆษก มส.กล่าวว่า เหตุการณ์ในลักษณะนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เจ้าอาวาสวัดเป็นถึงพระราชาคณะชั้นสามัญ ไม่น่าที่จะดำเนินการในเรื่องที่ขัดกับระเบียบของคณะสงฆ์แบบนี้ อีกทั้งวัดโพธิญาณเป็นสาขาของวัดหนองป่าพง ที่ก่อตั้งโดยหลวงปู่ชา สุภัทโท ซึ่งเป็นพระสงฆ์ที่ได้รับการยอมรับว่า เคร่งครัดในเรื่องการปฏิบัติมากที่สุดรูปหนึ่งของประเทศไทยด้วย แต่กลับมีการกระทำที่ละเมิดระเบียบของคณะสงฆ์เสียเอง


"การกระทำของพระวิสุทธิสังวรเถร ถือว่าเป็นการละเมิดจริยาพระสังฆาธิการ เพราะไม่อยู่ในโอวาทของครู อาจารย์ที่เคยตักเตือนมาแล้ว ส่วนจะมีการดำเนินการอย่างไรต่อไปนั้น ต้องรอดูการพิจารณาของทางคณะสงฆ์วัดหนองป่าพงอีกครั้ง แต่เบื้องต้นทาง มส.รับทราบมติของทางวัดหนองป่าพงแล้วว่า ได้ถอดวัดโพธิญาณออกจากการเป็นวัดในสังกัดแล้ว" พระธรรมกิตติเมธี กล่าว


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เหตุการอุปสมบทภิกษุณีที่วัดโพธิญาณ มีผู้นำมาเผยแพร่ผ่านทางเว็บไซต์ www.alittlebuddha.com โดยลงรายละเอียดว่าเกิดขึ้นเมื่อช่วงปลายเดือนตุลาคม 2552 โดยมีการอุปสมบทให้กับผู้หญิงชาวต่างประเทศ 4 คน มีภิกษุณีอยยา ทถาโลก เป็นพระอุปัชฌาย์ พระวิสุทธิสังวรเถร เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระสุชาโต เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ซึ่งเป็นการกระทำที่ขัดกับระเบียบของคณะสงฆ์ไทย เพราะมีพระบัญชาสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงชินวรสิริวัฒน์ พ.ศ.2471 ห้ามภิกษุสงฆ์ในประเทศไทยทำการอุปสมบทให้แก่สตรี และคำวินิจฉัยของ มส.ในการประชุมครั้งที่ 28/2527 และครั้งที่ 18/2530 ห้ามภิกษุสงฆ์ทำพิธีอุปสมบทให้สตรีเป็นภิกษุณี ระบุไว้อย่างชัดเจนแล้ว

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1261235531&grpid=04&catid=



--
ขอเชิญอ่าน blog.Thank you so much.
kb
http://www.healthstation.in.th/index1.html
http://camp02.blogspot.com/ camp02
http://kb1951.blogspot.com/ tkpark
http://kbparks.blogspot.com/ tkpark9
http://word1951.blogspot.com/ wordpress
http://www.baanjomyut.com/library/lotus
http://www.pwdom.com
http://weblogcamp2009.blogspot.com/2009
http://www.twitter.com/kajorn
http://www.twitter.com/BKKFlashCamp
http://camp02.readyhomepage.com
http://www.twitter.com/sun1951
http://www.twitter.com/joomlacorner
http://sun1951.vaivaitraining.com
http://sun1951.wordpress.com
http://www.educationatclick.com/th/
http://gotoknow.org/blog/krunoppol/
http://baankruaeed.wordpress.com/
http://ngaochan.hi5.com/
http://www.oknation.net/blog/subaltern
http://gotoknow.org/migrantworkers

เปิดประวัติ เจ้าอาวาส "ฝรั่ง" วัดโพธิญาณ ผู้หาญกล้าฝืนพระบัญชาสมเด็จพระสังฆราช บวช "ภิกษุณี"










ชวนม่วนชื่น

วันที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2552 เวลา 16:19:44 น.  มติชนออนไลน์

เปิดประวัติ เจ้าอาวาส "ฝรั่ง" วัดโพธิญาณ ผู้หาญกล้าฝืนพระบัญชาสมเด็จพระสังฆราช บวช "ภิกษุณี"

จากกรณีคณะสงฆ์ วัดหนองป่าพง จ.อุบลราชธานี มีมติให้ถอดวัดโพธิญา ณ เมืองเพิร์ธ ประเทศออสเตรเลีย ออกจากการเป็นสาขาของวัด เนื่องจากคณะสงฆ์ของวัดที่มี พระวิสุทธิสังวรเถร (พระพรหมวังโส) เป็นเจ้าอาวาส ดำเนินการอุปสมบทให้กับภิกษุณีซึ่งเป็นการขัดกับระเบียบของคณะสงฆ์ฝ่ายเถรวาท


ทำให้นามของ พระวิสุทธิสังวรเถร (พระพรหมวังโส) เจ้าอาวาส เป็นที่สงสัยใคร่รู้ของผู้ที่ไม่อยู่แวดวงสงฆ์ว่า เหตุใด พระวิสุทธิสังวรเถร (พระพรหมวังโส) เจ้าอาวาสวัดไทย เชื้อสายผู้ดีอังกฤษนี้เป็นใครมาจากไหน


พระวิสุทธิสังวรเถร หรือพระอาจารย์พรหมวังโส  (Ven. Ajahn Brahmavamso) ท่านเป็นศิษย์พระโพธิญาณเถร (หลวงปู่ชา สุภัทโท วัดหนองป่าพง) โดยท่านเป็นชาวอังกฤษ-ออสเตรเลีย เดินทางจากประเทศออสเตรเลีย แล้วมาบวชกับ "หลวงปู่ชา"


ท่านอาจารย์พรหมวังโส เกิดที่กรุงลอนดอน เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม พ.ศ.2494 ท่านหันมานับถือพุทธศาสนาเมื่อ อายุ 16 ปี หลังจากที่ได้อ่านหนังสือธรรมะขณะที่ยังเป็นนักเรียนมัธยม ความสนใจในพระพุทธศานา และการทำสมาธิภาวนาเพิ่มพูนยิ่งขึ้น ขณะที่ท่านกำลังศึกษาวิชาฟิสิกส์ทฤษฎี มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์


หลังจากเรียนจบท่านได้ทำงานเป็นครู อยู่ 1 ปี ก่อนตัดสินใจเดินทางมาบวชที่ประเทศไทย ท่านบวชเมื่ออายุ 23 ปี ณ วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร โดยมีพระพรหมคุณาภรณ์ (ปัจจุบันคือ สมเด็จพระพุทธจารย์) เป็นอุปัชฌาย์ จากนั้นท่านได้ไปสู่สำนักของหลวงปู่ชา สุภัทโท แห่งวัดหนองป่าพง อ.วารินชำราบ จ อุบลราชธานี มอบตัวเป็นศิษย์ศึกษาธรรมะ ทั้งธุดงควัตร และอบรมจิตใจในด้าน วิปัสสานาธุระ เป็นเวลา 9 ปี


ในปี 2526 ท่านได้รับอาราธนาให้ไปช่วยก่อตั้ง วัดป่าใกล้เมืองเพิร์ธ ทางตะวันตกของประเทศออสเตรเลีย ปัจจุบัน ท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดป่าโพธิญาณ และประธานทางจิตวิญญาณของพุทธสมาคมแห่งออสเตรเลียตะวันตก และได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็น "พระราชาคณะ" มีนามว่า "พระอาจารย์พรหมวังโส" เมื่อ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2549


"ชวนม่วนชื่น" หรือ ชื่ออังกฤษว่า "The Opening the Door of Your Heart" หนังสือธรรมะบันเทิงเล่มหนึ่ง เป็นเรื่องเล่าที่พระอาจารย์พรหมวังโสได้ใช้เวลาสั่งสมประสบการณ์มากกว่า 30 ปี ที่ได้บวชเป็นพระในสายวัดป่านิกายเถรวาท เขียนเรื่องราวต่างๆ รวมทั้งนิทานสอนใจในพระพุทธศาสนา และการปฏิบัติภาวนาในต่างประเทศมาถ่ายทอดเป็นเรื่องเล่าผ่านหน้ากระดาษ


พระอาจารย์พรหมวังโส เกิดมาในครอบครัวยากจนมาก แต่ด้วยเป็นเด็กหัวดีเลยได้ทุนไปเรียนที่เคมบริดจ์ เป็นเส้นทางเริ่มต้นนับถือศาสนาพุทธจนกระทั่งบวชเป็นพระตลอดชีวิต โดยท่านกล่าวว่า เกิดจาก "ความผิดพลาด" ซึ่งเกิดจากเรื่องร้ายในชีวิตหลายๆ ครั้งการทำผิดพลาด กลับทำให้เกิดสิ่งดีๆ กับชีวิตแทน


"วันนั้นจะเดินไปซื้อหนังสือคณิตศาสตร์ แต่เดินไปผิดชั้น ดันไปชั้นหนังสือของศาสนาเลยเอาทุกศาสนามาอ่าน และพบว่าพุทธศาสนาน่าสนใจมาก และตรงกับใจตั้งแต่บัดนั้นก็สนใจอย่างจริงจัง เข้าอบรมทำสมาธิตลอด"


อย่างไรก็ตาม ท่านเคยกล่าวถึงการเปลี่ยนตัวเองจากนักศึกษามาเป็นพระภิกษุสงฆ์ไม่ใช่เรื่อง ง่ายนัก ต้องสร้างความสมดุลระหว่างชีวิตภายในและหน้าที่อื่นๆ ภาระงานของพระจึงมีจำนวนมาก มิใช่เพียงการนั่งนอน อ่านหนังสือธรรมะไปวันๆ เหมือนที่หลายคนเข้าใจ โดยพระอาจารย์พรหมวังโสเชื่อว่า ท่ามกลางความขัดแย้งที่เกิดขึ้นบนโลกนี้ พระพุทธศาสนาจะเปลี่ยนแปลงสิ่งเหล่านี้ได้ ด้วยการทำให้เกิดความไว้วางใจและการแบ่งปัน นอกจากนี้ ศาสนาพุทธในต่างประเทศยังเป็นที่ต้องการจะเรียนอย่างสูงในสหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย และยุโรป แต่ไม่มีพระเพียงพอ


กับข่าวการ "อุปสมบท" ให้กับภิกษุณี และมติถอดวัดโพธิญาณ เมืองเพิร์ธ ประเทศออสเตรเลีย ออกจากการเป็นสาขาของวัด คงต้องติดตามต่อไปว่าประเทศออสเตรเลียจะยังคงมีวัดไทยแห่งนี้ต่อไปอีกหรือ ไม่


http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1261387367&grpid=&catid=02
--
ขอเชิญอ่าน blog.Thank you so much.
kb
http://www.healthstation.in.th/index1.html
http://camp02.blogspot.com/ camp02
http://kb1951.blogspot.com/ tkpark
http://kbparks.blogspot.com/ tkpark9
http://word1951.blogspot.com/ wordpress
http://www.baanjomyut.com/library/lotus
http://www.pwdom.com
http://weblogcamp2009.blogspot.com/2009
http://www.twitter.com/kajorn
http://www.twitter.com/BKKFlashCamp
http://camp02.readyhomepage.com
http://www.twitter.com/sun1951
http://www.twitter.com/joomlacorner
http://sun1951.vaivaitraining.com
http://sun1951.wordpress.com
http://www.educationatclick.com/th/
http://gotoknow.org/blog/krunoppol/
http://baankruaeed.wordpress.com/
http://ngaochan.hi5.com/
http://www.oknation.net/blog/subaltern
http://gotoknow.org/migrantworkers

ปัญหาไม่ใช่แค่ "บอร์ดการบินไทย" / เจ้าหน้าที่ที่มีอำนาจหน้าที่โดยเฉพาะกรมศุลากรได้ปล่อยปละละเลยหรือเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ไม่มีการเก็บภาษีจริงหรือไม่


วัลลภ พุกกะณะสุต

วันที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2552 เวลา 20:30:40 น.  มติชนออนไลน์

ปัญหาไม่ใช่แค่ "บอร์ดการบินไทย"

โดย ประสงค์ วิสุทธิ์

บริษัท การบินไทย จำกัด(มหาชน) ก็ไม่ต่างจากรัฐวิสาหกิจแห่งอื่นๆที่เป็นขุมทรัพย์ของผู้มีอำนาจทางการเมืองเข้ามาแสวงหาประโยชน์อย่างเป็นล่ำเป็นสันมาเป็นเวลานาน


วิธีการหลักๆ ในการเข้ามหาประโยชน์คือ การจัดซื้อจัดจ้างมูลค่าสูงๆ ผลักดันให้ดำเนินโครงการขนาดใหญ่ และกำหนดนโยบายที่เอื้อประโยชน์ให้แก่ตนเองและพวกพ้อง จากนั้นส่งคนของตนเอาเข้ามาเป็นผู้บริหารหรือะกรรมการรัฐวิสาหกิจ เพื่อควบคุมให้เป็นไปตามความต้องการของตนเอง


จึงไม่ใช่เรื่องแปลก (แต่ไม่ถูกต้อง) ที่จะเห็นบุคคลที่เป็นคนใกล้ชิดของผู้มีอำนาจฯ มาเป็นกรรมการรัฐวิสาหกิจแบบที่ขำไม่ออก เช่น สมัยรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ส่งพ่อค้าพริกไทยมาเป็นกรรมการการบินไทย หรือปัจจุบันมีพี่ชายคนสนิทของ "พี่เน" เป็นกรรมการต่อเนื่องมาตั้งแต่รัฐบาลนายสมัคร


แม้จะมีระเบียบว่า หนึ่งในสามของกรรมการรัฐวิสหกิจต้องแต่งตั้งจากบุคคลผู้ทรงคุณวุฒิที่ขึ้น บัญชีไว้ที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจและมี พ.ร.บ.คุณสมบัติและมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ กำหนดคุณสมบัติกรรมการโดยเน้นมิให้ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองและการห้ามมีผล ประโยชน์ทับซ้อน แต่ผู้มีอำนาจก็อาศัยความ "หน้าด้าน" เลี่ยงกฎหมายส่งคนของตนเองเข้ามาเป็นกรรมการอยู่ดี


จึงเป็นไปได้ยากที่บุคคลเหล่านี้จะรักษาผลประโยชน์ของรัฐวิสาหกิจที่ตนเป็นกรรมการ นอกจากผลประโยชน์ของ "นาย" และของตนเอง


พฤติกรรมของกรรมการการบินไทยรายหนึ่งที่ตกเป็นข่าวอื้อฉาวว่า ขนสัมภาระ 40 ชิ้น น้ำหนักกว่า 500 กิโลกรัมในเที่ยวบินโตเกียว-กรุงเทพ เมื่อกลางพฤศจิกายนที่ผ่านมา และยังใช้ช่องทางพิเศษที่สนามบินสุวรรณภูมิโดยไม่เสียภาษีศุลากรอีกด้วย บ่งบอกได้อย่างดีว่า กรรมการการบินไทยรายดังกล่าวซึ่งได้รับการหนุนหลังจาก "พี่เน" (เหมือนกับคนในตระกูลเดียวกันทำให้มีอำนาจอยู่ในแวดวงตลาดทุน) รักษาผลประโยชน์ของใคร


ปัญหาที่เกิดขึ้นนอกจากชี้ให้เห็นว่า การบริหารจัดการในการบนินไทยหละหลวม ไร้กฎเกณฑ์ กรรมการและฝ่ายบริหารสามารถใช้อำนาจได้ตามอำเภอใจแล้ว ยังทำให้เห็นปัญหาอื่นทั้งในการบินไทยและหน่วยงานอื่นของรัฐ อาทิ


หนึ่ง โครงสร้างการบริหารรัฐวิสาหกิจไม่ชัดเจน ทั้งๆ ที่รัฐวิสาหกิจหลายแห่งมีฐานะเป็นบริษัทมหาชนในตลาดหลักทรัพย์ แต่กรรมการบริษัทไม่รู้จักอำนาจหน้าที่ของตนเองว่า มีหน้าที่เพียงกำหนดนโยบาย กำหนดยุทธศาสตร์ ติดตามประเมินผลฝ่ายบริหารให้เป็นไปตามนโยบายและกฎหมาย


แต่นี่กลับล้วงลูกทั้งในเรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายพนักงานระดับกลาง ถึงผู้อำนวยการฝ่าย เข้าไปทำหน้าที่แทนฝ่ายบริหาร  ทำให้ผู้บริหารที่ได้รับการสรรหาไม่มีอำนาจที่แท้จริง ไร้น้ำยา เพราะพนักงานมักจะวิ่งเข้าหากรรมการซึ่งเป็นผู้มีอำนาจแท้จริง


การบินไทยนั้น มีงบประมาณมหาศาลทั้งในการจัดซื้อจัดจ้างและด้านการตลาด ทำให้กรรมการบริษัทต้องการเข้ามามีอำนาจโดยเฉพาะงบฯด้านการตลาดปีละกว่า 2,000 ล้านบาท อำนาจการอนุมัติใช้เงินก้อนนี้อยู่ที่ประธานคณะกรรมการบริหารคือ นายวัลลภ พุกกะณะสุตซึ่งเป็นกรรมการบริษัท แทนที่จะเป็นอำนาจของฝ่ายบริหาร


สอง ไม่ใช่กรรมการรัฐวิสาหกิจที่ผู้มีอำนาจฯส่ง เข้ามาเท่านั้นที่ก่อปัญหา กรรมการรัฐวิสาหกิจที่เป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ก็อาจก่อปัญหาได้เช่นเดียว กัน


ลองไปพลิกดูชื่อกรรมการรัฐวิสาหกิจใหญ่ๆ มีผลตอบแทนในรูปเบี้ยประชุมและโบนัสสูง จะพบชื่อข้าราชการชั้นผู้ใหญ่เป็นกรรมการอยู่เพียบ


แต่ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่เหล่านี้ไม่เคยสนใจดูว่า อำนาจหน้าที่หรือตำแหน่งที่ตนเองดำรงอยู่นั้นขัดแย้งกับการเข้าไปทำหน้าที่ กรรมการในรัฐวิสาหกิจหรือไม่ อาทิ นายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ซึ่งกฎหมายกำหนดให้เป็นกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติด้วย


แต่นายอำพนกลับยอมรับเป็นกรรมการบริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน)ซึ่งโครงการลงทุนของ ปตท.และบริษัทในเครือ จำนวนมากต้องผ่านความเห็นชองของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ


จึงน่าจะมีกฎเกณฑ์ที่ชัดเจนว่า การที่ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่รายใดจะรับเป็นกรรมการรัฐวิสาหกิจใด ต้องไม่ขัดแย้งกับอำนาจหน้าที่ตามกำหมายของตนเอง


สาม ถ้ากรรมการการบินไทยรายดังกล่าวใช้ช่องทางพิเศษในสุวรรณภูมิขนสินค้าเข้ามาจำนวนมากโดยไม่ต้องเสียภาษีศุลกากรจริง


คำถามคือ มีผู้ยิ่งใหญ่และผู้มีอำนาจทางการเมือง ใช้ช่องทางพิเศษแบบเดียวกันขนสินค้าเข้ามาโดยไม่ต้องเสียภาษีมากมายขนาด ไหน  เพราะเมื่อผู้ยิ่งใหญ่เหล่านี้เดินทางไป-กลับแต่ละครั้งจะมีข้าราชการ-เจ้าหน้าที่รัฐแห่แหนไปอำนวยความสะดวก


เจ้าหน้าที่ที่มีอำนาจหน้าที่โดยเฉพาะกรมศุลากรได้ปล่อยปละละเลยหรือเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ไม่มีการเก็บภาษีจริงหรือไม่


รัฐบาลควรใช้โอกาสนี้รื้อแดนสนธยาที่สนามบินสุวรรณภูมิ มิให้มีการกระทำตามอำเภอใจได้ต่อไป


http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1261135496&grpid=&catid=02
--
ขอเชิญอ่าน blog.Thank you so much.
kb
http://www.healthstation.in.th/index1.html
http://camp02.blogspot.com/ camp02
http://kb1951.blogspot.com/ tkpark
http://kbparks.blogspot.com/ tkpark9
http://word1951.blogspot.com/ wordpress
http://www.baanjomyut.com/library/lotus
http://www.pwdom.com
http://weblogcamp2009.blogspot.com/2009
http://www.twitter.com/kajorn
http://www.twitter.com/BKKFlashCamp
http://camp02.readyhomepage.com
http://www.twitter.com/sun1951
http://www.twitter.com/joomlacorner
http://sun1951.vaivaitraining.com
http://sun1951.wordpress.com
http://www.educationatclick.com/th/
http://gotoknow.org/blog/krunoppol/
http://baankruaeed.wordpress.com/
http://ngaochan.hi5.com/
http://www.oknation.net/blog/subaltern
http://gotoknow.org/migrantworkers

วันศุกร์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2552

สำนักงานเลขาธิการฯ เตรียมตั้งศูนย์ส่งเสริมประชาธิปไตยเพิ่มอีก 3 แห่ง

 

 

 

สำนักงานเลขาธิการฯ เตรียมตั้งศูนย์ส่งเสริมประชาธิปไตยเพิ่มอีก 3 แห่ง

17 ธ.ค. 52 –            รองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เผยในปี 2553 สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเตรียมตั้งศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาเครือข่ายประชาธิปไตย เพิ่มอีก 3 แห่ง พร้อมระบุมีประชาชนอีกจำนวนมากที่ยังไม่มีความรู้เรื่องประชาธิปไตยอย่างแท้จริง

                นายคัมภีร์  ดิษฐากรณ์  รองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการตั้งศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาเครือข่ายประชาธิปไตย ของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ว่า ในปี 2552 สำนักงานได้ตั้งศูนย์ดังกล่าวไปแล้ว 3 แห่ง คือที่จังหวัดอุบลราชธานี เชียงราย และสงขลา สำหรับในปี 2553 นั้น ทางสำนักงานฯ มีแผนที่จะจัดตั้งศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาเครือข่ายประชาธิปไตยเพิ่มขึ้นอีก 3 แห่ง ส่วนจะตั้งที่จังหวัดใดนั้นจะต้องดูความพร้อมและความเหมาะสมก่อน อย่างไรก็ตามภารกิจของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรในด้านการเผยแพร่และพัฒนาประชาธิปไตยที่ต้องดำเนินการในปี 2553 ยังมีอีกหลายภารกิจที่จะต้องสานต่อจากปี 2552 เช่น โครงการยุวชนประชาธิปไตย การประกวดวรรณกรรมเรื่องสั้น บทกวี พานแว่นฟ้า  โครงการสร้างองค์ความรู้ให้กับเยาวชนในโรงเรียนระดับมัธยม เป็นต้น ซึ่งโครงการต่างๆ ที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรจัดทำขึ้นนั้นก็เพื่อขยายเครือข่ายและเผยแพร่องค์ความรู้เกี่ยวกับการปกครองในระบอบประชาธิปไตยให้ได้มากที่สุด เพราะในปัจจุบันยังมีคนจำนวนมากที่ยังไม่มีความรู้ความเข้าใจในเรื่องการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง

 

 

 

 

 

 

 

 

 

นภาทิพย์  นูโพนทอง  ผู้สื่อข่าว

มันทนา  ศรีเพ็ญประภา  ผู้เรียบเรียง

 

 

 

 

 

 



--
ขอเชิญอ่าน blog.Thank you so much.
kb
http://www.healthstation.in.th/index1.html
http://camp02.blogspot.com/ camp02
http://kb1951.blogspot.com/ tkpark
http://kbparks.blogspot.com/ tkpark9
http://word1951.blogspot.com/ wordpress
http://www.baanjomyut.com/library/lotus
http://www.pwdom.com
http://weblogcamp2009.blogspot.com/2009
http://www.twitter.com/kajorn
http://www.twitter.com/BKKFlashCamp
http://camp02.readyhomepage.com
http://www.twitter.com/sun1951
http://www.twitter.com/joomlacorner
http://sun1951.vaivaitraining.com
http://sun1951.wordpress.com
http://www.educationatclick.com/th/
http://gotoknow.org/blog/krunoppol/
http://baankruaeed.wordpress.com/
http://ngaochan.hi5.com/
http://www.oknation.net/blog/subaltern
http://gotoknow.org/migrantworkers

วันศุกร์ที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2552

ความรัก สัจธรรม อหิงสธรรม และสัตยะคระหะแห่งมหาตมะ คานธี (2)


ความรัก สัจธรรม อหิงสธรรม และสัตยะคระหะแห่งมหาตมะ คานธี (2) / สำนักข่าวราชดำเนิน

ภิศักดิ์ 9/10/2552

 

ความรัก สัจธรรม อหิงสธรรม และสัตยะคระหะแห่งมหาตมะ คานธี (2)

 

          การ พึ่งตนเองเป็นความสามารถในการที่จะยืนอยู่บนขาของตัวเอง โดยไม่ต้องมีคนอื่นช่วยเหลือ แต่ไม่ได้หมายความว่า เป็นการวางเฉยหรือปฏิเสธความช่วยเหลือจากภายนอก แต่หมายถึง ความสามารถที่จะอยู่อย่างสันติกับตัวเอง และธำรงไว้ซึ่งความเคารพตนเองเมื่อการช่วยเหลือจากภายนอกไม่มีหรือได้รับการ ปฏิเสธ

          การ ทำความผิดพลาดบ้างเป็นเรื่องปกติของมนุษย์ และจะต้องถือว่า การรู้จักให้อภัยเป็นเรื่องปกติของมนุษย์เช่นกัน เพราะถ้าเราทำผิดพลาด เราก็อยากจะได้รับการให้อภัยมากกว่าการถูกทำโทษและถูกเตือนให้นึกถึงการ กระทำของเรา ซึ่ง การให้อภัยมิใช่เป็นการลืม คุณค่าของการให้อภัยอยู่ที่การมีความรัก แม้จะรู้อย่างชัดเจนว่าคนที่เราจะรักนั้นไม่ใช่เพื่อนของเราก็ตาม และสิ่งที่สำคัญ คือ การให้อภัยเป็นคุณลักษณะอย่างหนึ่งของคนที่เข้มแข็ง

ข้อ เท็จจริงเกี่ยวกับการดำรงชีวิตของมนุษย์ คือ การกิน การดื่ม และการเคลื่อนย้าย จำเป็นต้องรวมเอาการเบียดเบียนบางอย่างหรือการทำลายชีวิตบางอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการกระทำเพียงเล็กน้อยก็ตาม ผู้อุทิศชีวิตให้แก่อหิสธรรมย่อมได้ชื่อว่ามีศรัทธาด้วยความจริงใจ ถ้าหากการกระทำของเขาทุกอย่างมุ่งไปสู่จุดหมาย คือ ความเมตตา กรุณา และถ้าเขาใช้ความสามารถช่วยเหลือสัตว์ต่างๆ และพยายามอย่างไม่หยุดหย่อนเพื่อจะเป็นอิสระจากวงจรอุบาทว์แห่งการเบียด เบียน (หิงสา) เขาจะได้ชื่อว่ามีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องในการควบคุมตนเองและมีเมตตา กรุณา แต่เขาจะไม่สามารถเป็นอิสระจากการเบียดเบียนจากภายนอกได้ทั้งหมด

                หน้าที่ ของผู้ปฏิบัติอหิงสธรรม คือ การหยุดสงคราม ผู้ที่ไม่เท่าเทียมกับหน้าที่นั้นคือ ผู้ที่ไม่มีอำนาจที่จะหยุดสงคราม ผู้ที่ไม่มีคุณสมบัติพอที่จะยุติสงคราม อาจจะเข้าร่วมในสงคราม แต่ถึงกระนั้นก็พยายามทำจิตใจของตนให้เป็นอิสระ รวมทั้งให้ชาติของตนและโลกทั้งหมดเป็นอิสระจากสงครามให้ได้ ซึ่งอหิงสธรรมเป็นวิธีการ ส่วนสัจธรรมเป็นจุดมุ่งหมาย วิธีการจะเป็นวิธีการได้นั้นจะต้องอยู่ภายในระยะที่เราเอื้อมถึง ดังนั้นอหิงสธรรมจึงเป็นหน้าที่อันสูงส่งของเรา

                ส่วนสัตยะคระหะ คือ  การยึดมั่นในสัจธรรม โดยไม่ก่อให้เกิดความทุกข์ความเดือดร้อนแก่ผู้ที่เป็นศัตรู แต่ตัวเองยอมทนรับทุกข์ทรมาน หรือ การยึดมั่นกับพลังแห่งความถูกต้องหรือ พลังแห่งความรัก หรือ พลังแห่งจิตวิญญาณโดย ใช้วิธีที่ไม่ให้มีการปฏิบัติรุนแรงต่อฝ่ายตรงข้าม แต่ว่าฝ่ายตรงข้ามจะต้องได้รับการชักจูงให้หันเหจากความผิดพลาดด้วยความอดทน และความเห็นอกเห็นใจ

                สัต ยะคระหะ เป็นหลักการสุภาพอ่อนน้อม ไม่เคยทำอันตราย ไม่ใช่เป็นผลมาจากความโกรธหรือความพยาบาท ไม่ใช่เป็นการจู้จี้ไม่อดทน และไม่ใช่เป็นการกล่าวเกรี้ยวกราด ถือว่าเป็นหลักการที่นำมาใช้แทนการใช้ความรุนแรงอย่างสิ้นเชิง ซึ่งผู้ปฏิบัติตามหลักสัตยะคระหะจะต้องเชื่อฟังกฎหมายของสังคมอย่างฉลาดและ ด้วยเจตนารมณ์ที่เป็นอิสระของตนเอง เพราะเขาจะต้องพิจารณาว่าการปฏิบัติตามกฎหมายนั้นเป็นหน้าที่อัน ศักดิ์สิทธิ์ที่เขาจะต้องทำ แต่เมื่อบุคคลได้เชื่อฟังตามกฎหมายของสังคมด้วยความระมัดระวังแล้ว เขาย่อมอยู่ในฐานะที่จะตัดสินว่ากฎเกณฑ์โดยเฉพาะบางอย่างแบบใจดีเป็นธรรม และแบบใดไม่เป็นธรรมและชั่วร้าย

                และ ก่อนที่เราจะทำตัวให้เหมาะสมสำหรับการปฏิบัติเรื่องความดื้อแพ่งของพลเมือง เราจะต้องทำการเชื่อฟังต่อกฎหมายของรัฐอย่างตั้งใจและอย่างเคารพนับถือก่อน โดยส่วนใหญ่เราเชื่อฟังกฎหมายดังกล่าวเนื่องจากความกลัวต่อการถูกทำโทษเมื่อ ละเมิดกฎหมายเหล่านั้น ข้อนี้เป็นสิ่งที่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนที่เกี่ยวกับว่ากฎหมายดังกล่าวไม่เกี่ยวกับหลักการ ทางศีลธรรม

               

http://www.siamrath.co.th/uifont/Articledetail.aspx?nid=4351&acid=4351
--
ขอเชิญอ่าน blog.Thank you so much.
news
http://net209.blogspot.com/ net9
http://parent-youth.blogspot.com/ parent-youth.net
http://parent-net.blogspot.com/ parent
http://netnine.blogspot.com/  science
http://pwdinth.blogspot.com/
http://senatelibrary.wordpress.com/about
http://gotoknow.org/blog/cemu/295924