วันจันทร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2552

ศาล ปค.สูงสุดป่วน "วรพจน์"ทิ้งเก้าอี้ตุลาการกระทันหัน วิจารณ์แซ่ดตั้ง 3 หัวหน้าคณะข้ามหัว-ปมพระวิหาร


นายอักขราทร จุฬารัตน

 
วันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2552 เวลา 10:30:48 น.  มติชนออนไลน์

ศาล ปค.สูงสุดป่วน "วรพจน์"ทิ้งเก้าอี้ตุลาการกระทันหัน วิจารณ์แซ่ดตั้ง3หัวหน้าคณะข้ามหัว-ปมพระวิหาร

ศาล ปกครองสูงสุดป่วน "วรพจน์ วิศรุตพิชญ์"ลาออกจากตุลาการกระทันหัน หลัง กศ.ป.มีมติแต่งตั้งหัวหน้าคณะใหม่ 3 คน วิจารณ์แซ่ดข้าม"อาวุโส" เผยปมขัดแย้งเรื่องแนวคิด-วิธีการทำงานมาแตั้งแต่คดีปราสาทพระวิหาร

แหล่งข่าวจากสำนักงานศาลปกครองเปิดเผย"มติชนออนไลน์"เมื่อวันที่ 25 กันยายนว่า ได้เกิดความปั่นป่วนขึ้นในศาลปกครอง เมื่อนายวรพจน์ วิศรุตพิชญ์ ตุลาการศาลปกครองสูงสุดได้ยื่นหนังสือลาออกในวันเดียวกันโดยให้มีผลในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2552   จนเกิดเสียงวิพากษ์วิจาณ์อย่างหนักในศาลปกครอง


แหล่งข่าวกล่าวว่า สำหรับเหตุผลที่คาดว่า ทำให้นายวรพจน์ตัดสินใจลาออกอย่างกระทันหัน ทั้งๆที่มีอายุเพียง 57 ปี เป็นเพราะในการประชุมคณะกรรมการตุลาการศาลปกครอง(กศ.ป.)ซึ่งมีนายอักขราทร จุฬารัตน เป็นประธานใน วันเดียวกันเพื่อพิจารณาแต่งตั้งรองประธานศาลปกครองสูงสุดและตุลาการหัวหน้า คณะในศาลปกครองสูงสุดซึ่งจะว่างลง 3 ตำแหน่งในเดือนตุลาคม 2552 ปรากฏว่า นายชาญชัย แสวงศักดิ์ ตุลาการศาลปกครองสูงสุดและนายวรพจน์  วิศรุตพิชญ์ ไม่ได้รับแต่งตั้งเป็นตุลาการหัวหน้าคณะในศาลปกครองสูงสุดซึ่งบุคคลทั้งสองเห็นว่า เป็นการแต่งตั้งที่ไม่เป็นธรรมเเนื่องจากไม่เป็นไปตามลำดับอาวุโส นอกจากนั้นยังมีแรงกดดันในการทำงานเนื่องจากมีแนวคิดและวิธีการทำงานที่ไม่ตรงกับผู้บริหารศาล นับแต่ศาลปกครองมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวกรณีที่คณะรัฐมนตรีนายสมัคร สุนทรเวชมีมติสนับสนุนประเทศกัมพูชาขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก
 

แหล่งข่าวกล่าวว่า ที่ประชุม กศ.ป.มีมติแต่งตั้งนายพีระพล เชาวน์ศิริ ตุลาการหัวหน้คณะในศาลปกครองสูงสุดเป็นรองประธานศาลปกครองสูงสุด แต่งตั้งนายวิชัย ชื่นชมพูนุท นายปรีชา  ชวลิตธำรง และนายเกษม คมสัตย์ธรรม ตุลาการศาลปกครองสูงสุด เป็นตุลาการหัวหน้าคณะในศาลปกครองสูงสุด ซึ่งทั้งนายวิชัย ชื่นชมพูนุท และนายปรีชา  ชวลิตธำรง และนายเกษม คมสัตย์ธรรม สามารถสอบเข้าเป็นตุลาการศาลปกครองสูงสุดพร้อมนายชาญชัย แสวงศักดิ์ เป็นรุ่นแรกซึ่งขณะนั้นนายชาญชัยดำรงตำแหน่ง เลขาธิการสำนักงานศาลปกครองอยู่แล้ว ขณะที่นายเกษม คมสัตย์ธรรม เป็นตุลาการหัวหน้าคณะในศาลปกครองชั้นต้นเท่านั้น


แหล่งข่าวกล่าวว่า สำหรับนายวรพจน์นั้น แม้จะสอบเข้าเป็นตุลาการศาลปกครองสูงสุดรุ่นที่สอง แต่เคยดำรงตำแหน่งอธิบดีศาลปกครองกลาง ขณะที่นายเกษม คมสัตย์ธรรมเป็นหัวหน้าคณะในศาลปกครองกลาง โดยผู้บริหารศาลปกครองสูงสุดบางคนขอร้องให้นายวรพจน์ดำรงตำแหน่งอธิบดีศาลปกครองกลางต่อไปก่อนเพื่อวางระบบศาลปกครองกลางให้ดีเพราะอยู่ในช่วงเพิ่งเริ่มจัดตั้ง อย่าเพิ่งสอบเป็นตุลาการศาลปกครองในรุ่นแรก แต่ กศ.ป.กลับนำมาเป็นข้ออ้างว่า นายวรพจน์มีอาวุโสน้อยกว่านายเกษม คมสัตย์ธรรม จึงไม่แต่งตั้งเป็นตุลาการหัวหน้าคณะในศาลปกครองสูงสุด


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปัจจุบัน ตุลาการศาลปกครองสูงสุดมีจำนวน 17 คน  สำหรับรองประธานและตุลาการหัวหน้าคณะในศาลปกครองสูงสุดที่เกษียณอายุประกอบ ด้วย นายธีรยุทธ์ หล่อเลิศรัตน์ นายจรัญ หัตถกรรม นายดำริ วัฒนะ สิงหะ ตามลำดับบวกกับนายวรพจน์ที่ลาออกทำให้เหลือตุลาการศาลปกครองสูงสุดเพียง 13 คน อย่างไรก็ตามมีผู้สอบเข้าเป็นตุลาการศาลปกครองสูงสุดได้อีก 6 คน อยู่ระหว่างนำรายชื่อขึ้นกราบบังคมทูลเพื่อโปรดเกล้าฯ

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1253884824&grpid=&catid=no

--
ขอเชิญอ่าน blog.Thank you so much.
kb
http://camp02.blogspot.com/ camp02
http://kb1951.blogspot.com/ tkpark
http://kbparks.blogspot.com/ tkpark9
http://word1951.blogspot.com/ wordpress
http://www.baanjomyut.com/library/lotus
http://www.pwdom.com
http://weblogcamp2009.blogspot.com/2009
http://www.twitter.com/kajorn
http://www.twitter.com/BKKFlashCamp
http://camp02.readyhomepage.com
http://www.twitter.com/sun1951
http://www.twitter.com/joomlacorner
http://sun1951.vaivaitraining.com
http://sun1951.wordpress.com
http://www.educationatclick.com/th/

วันเสาร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2552

สัจธรรมและความไม่รุนแรงตามแนวทางของมหาตมะ คานธี / สำนักข่าวราชดำเนิน

 
 สัจธรรมและความไม่รุนแรงตามแนวทางของมหาตมะ คานธี / สำนักข่าวราชดำเนิน

ภิศักดิ์ กัลยาณมิตร25/9/2552

 

 

สัจธรรมและความไม่รุนแรงตามแนวทางของมหาตมะ คานธี

 

มหาตมะ คานธีเป็นบุคคลที่ยิ่งใหญ่ของโลกคนหนึ่งเท่าที่มีมนุษย์เกิดมาบนพื้นพิภพนี้ แต่ปรากฏว่าหนังสือที่เกี่ยวกับแนวคิดของท่านกลับมีค่อนข้างน้อยในตลาด หนังสือเมืองไทย จนเมื่อได้มีโอกาสอ่านหนังสือชื่อว่า วจนะของมหาตมะ คานธี ที่แปลและเรียบเรียงโดยศาสตราจารย์ ดร.จำนงค์ อดิวัฒนสิทธิ์ ซึ่งท่านได้ศึกษาประวัติและผลงานของมหาตมะ คานธีมานานกว่า 20 ปี จนมีความเข้าใจอย่างถ่องแท้ จึงขอนำเสนอเนื้อหาบางส่วนในหนังสือเล่มนี้ที่แสดงให้เห็นถึงสัจธรรมอันเป็น แนวทางในการดำเนินชีวิตและในทางการเมืองของมหาตมะ คานธี ดังนี้

ใน เรื่องของการดำรงชีวิต มหาตมะ คานธีเชื่อในความไว้วางใจ การให้เกียรติกันและกัน โดยกล่าวว่า ความไว้วางใจกันย่อมก่อให้เกิดความไว้วางใจกัน ซึ่งความไม่รุนแรงเป็นรากฐานของความไว้ใจให้เกียรติกัน ผู้ที่ไว้วางใจให้เกียรติคนอื่นย่อมไม่เคยสูญหายไปจากโลก แต่ผู้ที่ชอบระแวงสงสัยมักจะหลงอยู่กับตัวเองและกับโลก

มหาตมะ คานธี ยังได้กล่าวว่า ตนเองเป็นคนชอบฝัน แต่เป็นความฝันที่ไม่ใช่เกี่ยวกับสิ่งในอากาศ ซึ่งคานธีเรียกตนเองว่าเป็นนักฝันที่ต้องการเปลี่ยนความฝันให้เป็นความจริง มากที่สุด รวมทั้งยังเป็นคนที่มองโลกในแง่ดี โดยจัดตนเองอยู่ในกลุ่มเดียวกับโคลัมบัสและสตีเวนสัน ผู้ซึ่งมีความหวังอย่างต่อเนื่องเมื่อเผชิญกับสิ่งแปลกๆ ที่เกิดขึ้นโดยไม่คาดฝัน

ส่วน ในทางการเมืองนั้น มหาตมะ คานธี เห็นว่า โลกกำลังเบื่อหน่ายต่อความตายอันเกิดจากการหลั่งเลือด โลกกำลังแสวงหาหนทางให้พ้นจากความทุกข์ ความไม่รุนแรงจะเป็นช่องทางช่วยให้โลกพบหนทางไปสู่ความรอดพ้นจากปัญหาอัน เกิดจากความทุกข์และความรุนแรงทั้งหมดในโลกนี้ได้ ซึ่งความไม่รุนแรงไม่ใช่เป็นคุณธรรมที่จะต้องปฏิบัติเพื่อสันติสุขและโมกข ธรรมเฉพาะบุคคลเท่านั้น แต่เป็นกฎสำหรับการปฏิบัติของกลุ่ม ชุมชน และชาติทั้งหลายด้วย ความไม่รุนแรงโดยสภาพที่มีการเคลื่อนไหวนั้นหมายถึง ความทุกข์อย่างรู้ตัว ไม่ได้หมายถึงการยอมสยบให้กับเจตนารมณ์ของผู้ทำความชั่วอย่างไม่มีความคิด แต่หมายถึงการต่อต้านเจตนารมณ์ของทรราชย์ด้วยจิตวิญญาณทั้งหมดของบุคคล จึงเป็นไปได้ที่บุคคลคนเดียวจะฝ่าฝืนพลังทั้งหมดของอาณาจักรที่ไม่เป็นธรรม เพื่อปกป้องเกียรติยศ ศาสนา และจิตวิญญาณของตน อันเป็นเหตุให้เกิดความล่มสลายของอาณาจักรนั้นหรือสำหรับชนยุคใหม่ของ อาณาจักรนั้นได้

ซึ่งมหาตมะ คานธี ยังได้กล่าวถึงประเด็นนี้เพิ่มเติมอีกว่า ไม่ ใช่เป็นความรุนแรงถ้าเราเพียงรักผู้ที่รักเรา แต่เป็นความไม่รุนแรงเมื่อเรารักผู้ที่เกลียดเรา ซึ่งเป็นสิ่งที่ยากเย็นที่จะปฏิบัติตามกฏเกณฑ์อันยิ่งใหญ่แห่งความรักนี้ แต่ไม่ใช่สิ่งที่ดีและยิ่งใหญ่ทั้งหมดเป็นสิ่งที่ยากจะทำ ความรักในบุคคลที่เราเกลียดชังเป็นสิ่งที่ยากที่สุดในบรรดาสิ่งที่ยากทั้ง หมด แต่โดยอาศัยเมตตาของพระผู้เป็นเจ้า สิ่งที่ยากที่สุดนี้กลับง่ายที่จะทำให้สำเร็จได้ ถ้าเราต้องการจะทำ

อีก ทั้งการปฏิวัติโดยไม่ใช้ความรุนแรงไม่ใช่เป็นการยึดอำนาจ แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงสัมพันธภาพ ซึ่งสิ้นสุดลงด้วยการโอนอำนาจโดยสันติ รวมทั้งผู้ที่สูญเสียชีวิตโดยทำการต่อสู้ถือว่าเป็นความกล้าหาญ แต่ผู้ที่ปฏิเสธที่จะต่อสู้และปฏิเสธที่จะยอมสยบให้แก่ผู้ที่ยึดอำนาจย่อม เป็นผู้ที่มีความกล้าหาญกว่า อีกทั้งการดื้อแพ่งที่จะไม่ปฏิบัติตามกฎหมายของบ้านเมืองจะต้องเป็นไปด้วย ความจริงใจ น่าเคารพ ควบคุมได้ อย่าเป็นไปด้วยความล่วงละเมิดกฎหมาย ต้องขึ้นอยู่กับหลักการที่เข้าใจได้ดีบางอย่าง อย่าได้มีเจตนาร้าย และเหนือสิ่งอื่นใดอย่ามีความพยาบาทหรือความเกลียดชังอยู่เบื้องหลัง

 

เมื่อไรก็ตามที่ท่านเผชิญหน้ากับศัตรู จงพิชิตศัตรูของท่านด้วยความรัก (มหาตมะ คานธี)

http://www.siamrath.co.th/uifont/Articledetail.aspx?nid=4252&acid=4252

--
http://www.kmutnb.ac.th/index.htm
http://www.ecitthai.net
http://www.tourismthailand.org/seminar/
http://www.thaihotels.org/
http://www.tuasso.com/scripts/tua.asp