วันจันทร์ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ปัญหาไม่ใช่แค่ "บอร์ดการบินไทย" / เจ้าหน้าที่ที่มีอำนาจหน้าที่โดยเฉพาะกรมศุลากรได้ปล่อยปละละเลยหรือเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ไม่มีการเก็บภาษีจริงหรือไม่


วัลลภ พุกกะณะสุต

วันที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2552 เวลา 20:30:40 น.  มติชนออนไลน์

ปัญหาไม่ใช่แค่ "บอร์ดการบินไทย"

โดย ประสงค์ วิสุทธิ์

บริษัท การบินไทย จำกัด(มหาชน) ก็ไม่ต่างจากรัฐวิสาหกิจแห่งอื่นๆที่เป็นขุมทรัพย์ของผู้มีอำนาจทางการเมืองเข้ามาแสวงหาประโยชน์อย่างเป็นล่ำเป็นสันมาเป็นเวลานาน


วิธีการหลักๆ ในการเข้ามหาประโยชน์คือ การจัดซื้อจัดจ้างมูลค่าสูงๆ ผลักดันให้ดำเนินโครงการขนาดใหญ่ และกำหนดนโยบายที่เอื้อประโยชน์ให้แก่ตนเองและพวกพ้อง จากนั้นส่งคนของตนเอาเข้ามาเป็นผู้บริหารหรือะกรรมการรัฐวิสาหกิจ เพื่อควบคุมให้เป็นไปตามความต้องการของตนเอง


จึงไม่ใช่เรื่องแปลก (แต่ไม่ถูกต้อง) ที่จะเห็นบุคคลที่เป็นคนใกล้ชิดของผู้มีอำนาจฯ มาเป็นกรรมการรัฐวิสาหกิจแบบที่ขำไม่ออก เช่น สมัยรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ส่งพ่อค้าพริกไทยมาเป็นกรรมการการบินไทย หรือปัจจุบันมีพี่ชายคนสนิทของ "พี่เน" เป็นกรรมการต่อเนื่องมาตั้งแต่รัฐบาลนายสมัคร


แม้จะมีระเบียบว่า หนึ่งในสามของกรรมการรัฐวิสหกิจต้องแต่งตั้งจากบุคคลผู้ทรงคุณวุฒิที่ขึ้น บัญชีไว้ที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจและมี พ.ร.บ.คุณสมบัติและมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ กำหนดคุณสมบัติกรรมการโดยเน้นมิให้ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองและการห้ามมีผล ประโยชน์ทับซ้อน แต่ผู้มีอำนาจก็อาศัยความ "หน้าด้าน" เลี่ยงกฎหมายส่งคนของตนเองเข้ามาเป็นกรรมการอยู่ดี


จึงเป็นไปได้ยากที่บุคคลเหล่านี้จะรักษาผลประโยชน์ของรัฐวิสาหกิจที่ตนเป็นกรรมการ นอกจากผลประโยชน์ของ "นาย" และของตนเอง


พฤติกรรมของกรรมการการบินไทยรายหนึ่งที่ตกเป็นข่าวอื้อฉาวว่า ขนสัมภาระ 40 ชิ้น น้ำหนักกว่า 500 กิโลกรัมในเที่ยวบินโตเกียว-กรุงเทพ เมื่อกลางพฤศจิกายนที่ผ่านมา และยังใช้ช่องทางพิเศษที่สนามบินสุวรรณภูมิโดยไม่เสียภาษีศุลากรอีกด้วย บ่งบอกได้อย่างดีว่า กรรมการการบินไทยรายดังกล่าวซึ่งได้รับการหนุนหลังจาก "พี่เน" (เหมือนกับคนในตระกูลเดียวกันทำให้มีอำนาจอยู่ในแวดวงตลาดทุน) รักษาผลประโยชน์ของใคร


ปัญหาที่เกิดขึ้นนอกจากชี้ให้เห็นว่า การบริหารจัดการในการบนินไทยหละหลวม ไร้กฎเกณฑ์ กรรมการและฝ่ายบริหารสามารถใช้อำนาจได้ตามอำเภอใจแล้ว ยังทำให้เห็นปัญหาอื่นทั้งในการบินไทยและหน่วยงานอื่นของรัฐ อาทิ


หนึ่ง โครงสร้างการบริหารรัฐวิสาหกิจไม่ชัดเจน ทั้งๆ ที่รัฐวิสาหกิจหลายแห่งมีฐานะเป็นบริษัทมหาชนในตลาดหลักทรัพย์ แต่กรรมการบริษัทไม่รู้จักอำนาจหน้าที่ของตนเองว่า มีหน้าที่เพียงกำหนดนโยบาย กำหนดยุทธศาสตร์ ติดตามประเมินผลฝ่ายบริหารให้เป็นไปตามนโยบายและกฎหมาย


แต่นี่กลับล้วงลูกทั้งในเรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายพนักงานระดับกลาง ถึงผู้อำนวยการฝ่าย เข้าไปทำหน้าที่แทนฝ่ายบริหาร  ทำให้ผู้บริหารที่ได้รับการสรรหาไม่มีอำนาจที่แท้จริง ไร้น้ำยา เพราะพนักงานมักจะวิ่งเข้าหากรรมการซึ่งเป็นผู้มีอำนาจแท้จริง


การบินไทยนั้น มีงบประมาณมหาศาลทั้งในการจัดซื้อจัดจ้างและด้านการตลาด ทำให้กรรมการบริษัทต้องการเข้ามามีอำนาจโดยเฉพาะงบฯด้านการตลาดปีละกว่า 2,000 ล้านบาท อำนาจการอนุมัติใช้เงินก้อนนี้อยู่ที่ประธานคณะกรรมการบริหารคือ นายวัลลภ พุกกะณะสุตซึ่งเป็นกรรมการบริษัท แทนที่จะเป็นอำนาจของฝ่ายบริหาร


สอง ไม่ใช่กรรมการรัฐวิสาหกิจที่ผู้มีอำนาจฯส่ง เข้ามาเท่านั้นที่ก่อปัญหา กรรมการรัฐวิสาหกิจที่เป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ก็อาจก่อปัญหาได้เช่นเดียว กัน


ลองไปพลิกดูชื่อกรรมการรัฐวิสาหกิจใหญ่ๆ มีผลตอบแทนในรูปเบี้ยประชุมและโบนัสสูง จะพบชื่อข้าราชการชั้นผู้ใหญ่เป็นกรรมการอยู่เพียบ


แต่ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่เหล่านี้ไม่เคยสนใจดูว่า อำนาจหน้าที่หรือตำแหน่งที่ตนเองดำรงอยู่นั้นขัดแย้งกับการเข้าไปทำหน้าที่ กรรมการในรัฐวิสาหกิจหรือไม่ อาทิ นายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ซึ่งกฎหมายกำหนดให้เป็นกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติด้วย


แต่นายอำพนกลับยอมรับเป็นกรรมการบริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน)ซึ่งโครงการลงทุนของ ปตท.และบริษัทในเครือ จำนวนมากต้องผ่านความเห็นชองของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ


จึงน่าจะมีกฎเกณฑ์ที่ชัดเจนว่า การที่ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่รายใดจะรับเป็นกรรมการรัฐวิสาหกิจใด ต้องไม่ขัดแย้งกับอำนาจหน้าที่ตามกำหมายของตนเอง


สาม ถ้ากรรมการการบินไทยรายดังกล่าวใช้ช่องทางพิเศษในสุวรรณภูมิขนสินค้าเข้ามาจำนวนมากโดยไม่ต้องเสียภาษีศุลกากรจริง


คำถามคือ มีผู้ยิ่งใหญ่และผู้มีอำนาจทางการเมือง ใช้ช่องทางพิเศษแบบเดียวกันขนสินค้าเข้ามาโดยไม่ต้องเสียภาษีมากมายขนาด ไหน  เพราะเมื่อผู้ยิ่งใหญ่เหล่านี้เดินทางไป-กลับแต่ละครั้งจะมีข้าราชการ-เจ้าหน้าที่รัฐแห่แหนไปอำนวยความสะดวก


เจ้าหน้าที่ที่มีอำนาจหน้าที่โดยเฉพาะกรมศุลากรได้ปล่อยปละละเลยหรือเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ไม่มีการเก็บภาษีจริงหรือไม่


รัฐบาลควรใช้โอกาสนี้รื้อแดนสนธยาที่สนามบินสุวรรณภูมิ มิให้มีการกระทำตามอำเภอใจได้ต่อไป


http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1261135496&grpid=&catid=02
--
ขอเชิญอ่าน blog.Thank you so much.
kb
http://www.healthstation.in.th/index1.html
http://camp02.blogspot.com/ camp02
http://kb1951.blogspot.com/ tkpark
http://kbparks.blogspot.com/ tkpark9
http://word1951.blogspot.com/ wordpress
http://www.baanjomyut.com/library/lotus
http://www.pwdom.com
http://weblogcamp2009.blogspot.com/2009
http://www.twitter.com/kajorn
http://www.twitter.com/BKKFlashCamp
http://camp02.readyhomepage.com
http://www.twitter.com/sun1951
http://www.twitter.com/joomlacorner
http://sun1951.vaivaitraining.com
http://sun1951.wordpress.com
http://www.educationatclick.com/th/
http://gotoknow.org/blog/krunoppol/
http://baankruaeed.wordpress.com/
http://ngaochan.hi5.com/
http://www.oknation.net/blog/subaltern
http://gotoknow.org/migrantworkers

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น